หากอุปกรณ์ของคุณมีปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย ให้ตรวจสอบ VPN และซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอื่นๆ ของบริษัทอื่น

ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยของบริษัทอื่นที่ตรวจติดตามหรือโต้ตอบกับการเชื่อมต่อเครือข่ายสามารถบล็อกการเชื่อมต่อบางอย่างได้ เช่น การเชื่อมต่อที่จำเป็นต่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตหรือสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นๆ บนเครือข่ายของคุณ

ระบุปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย

หากติดตั้งซอฟต์แวร์ VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน) หรือซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอื่นๆ ของบริษัทอื่นบนอุปกรณ์ของคุณ ปัญหาการเชื่อมต่อเช่นนี้อาจเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์นั้น ตามรายละเอียดในบทความที่เชื่อมโยง ปัญหาเหล่านี้อาจมีสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน

• อุปกรณ์ของคุณไม่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ หรือไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ได้

• อุปกรณ์ของคุณไม่สามารถสำรองข้อมูลไปยัง iCloud ได้ หรือไม่สามารถใช้ Time Machine ได้

• อุปกรณ์ของคุณไม่สามารถเปิดหรือลงชื่อเข้าใช้ iMessage หรือ FaceTime ได้

• อุปกรณ์ของคุณไม่สามารถเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ ของ Apple เช่น App Store หรือ iTunes Store

• อุปกรณ์ของคุณไม่สามารถสื่อสารตามที่คาดไว้กับอุปกรณ์บนเครือข่าย เช่น เพื่อถ่ายโอนข้อมูล ใช้ AirPlay หรือใช้คุณสมบัติความต่อเนื่องอื่นๆ

ลองวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ก่อน

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวันที่ เวลา และเขตเวลาบนอุปกรณ์ของคุณถูกต้องและเรียนรู้สิ่งที่ต้องทำ หากคุณไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเหล่านี้ได้

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ของคุณใช้การอัปเดตซอฟต์แวร์ล่าสุด

• รีสตาร์ทอุปกรณ์ คุณอาจต้องรีสตาร์ทโมเด็มและเราเตอร์ของคุณด้วย

• เชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นเพื่อดูว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นกับเครือข่ายของคุณเท่านั้นหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือผู้ดูแลระบบเครือข่ายของคุณอาจสามารถช่วยได้ และคุณยังสามารถตรวจสอบการรบกวน Wi-Fi และบลูทูธได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปัญหาเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

ตรวจสอบซอฟต์แวร์และการตั้งค่าที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบแอปประเภทเหล่านี้

หากคุณไม่ทราบว่า VPN หรือซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอื่นๆ ของบริษัทอื่นที่คุณใช้อยู่คืออะไร ให้ตรวจสอบแอปประเภทเหล่านี้ในอุปกรณ์ของคุณ ผู้จำหน่ายหลายรายมีจำหน่าย โดยใช้ชื่อที่แตกต่างกันหลายชื่อ คำเช่น Anti, Alarm, Firewall, Mechanic, Malware, Protection, Security, Shield, Spy, Trust, Virus หรือ VPN อาจเป็นส่วนหนึ่งในชื่อแอป

• แอป VPN

• แอปไฟร์วอลล์

• แอปแอนตี้ไวรัส

• แอปที่ควบคุมโดยผู้ปกครอง

• ตัวบล็อกคอนเทนต์

บน iPhone, iPad, Apple TV หรือ Apple Vision Pro ให้มองหาแอปดังกล่าวบนหน้าจอหลัก บน Mac ให้ค้นหาในโฟลเดอร์แอปพลิเคชันและที่อื่นๆ ใน Finder ในการช่วยคุณค้นหา คุณสามารถใช้ Spotlight บน iPhone หรือ iPad, ใช้ Spotlight บน Mac หรือใช้ Spotlight บน Apple Vision Pro

หากคุณพบแอปดังกล่าว ให้ทำดังนี้

• ใช้แอปเพื่อปิดคุณสมบัติของแอป จากนั้นดูว่ายังคงมีปัญหาอยู่หรือไม่

• หากคุณไม่รู้จักแอปหรือไม่แน่ใจว่าจะใช้อย่างไร โปรดติดต่อผู้จำหน่ายแอปเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือลบแอป

• หากคุณสมัครรับแอปที่ต้องการลบหรือหยุดใช้ ให้ยกเลิกการสมัครรับของคุณ

ตรวจสอบการตั้งค่าเหล่านี้

ไม่ว่าคุณจะใช้แอปประเภทใดในกลุ่มดังกล่าวอยู่หรือไม่ก็ตาม อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่อื่นในการตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณ หากต้องการค้นหา ให้ค้นหาคำเหล่านี้ภายในการตั้งค่า ซึ่งได้แก่ VPN, โปรไฟล์, ไฟร์วอลล์ และตัวกรอง

• บน iPhone หรือ iPad ให้เปิดแอปการตั้งค่า จากนั้นปัดลงเพื่อให้แสดงช่องค้นหา

• บน Mac เลือกเมนู Apple  > การตั้งค่าระบบ จากนั้นใช้ช่องค้นหาที่มุมหน้าต่าง ตรวจสอบรายการเข้าสู่ระบบที่เกี่ยวข้องด้วย

• บน Apple Vision Pro ให้เปิดแอปการตั้งค่า จากนั้นใช้ช่องค้นหาที่ด้านบนของแถบด้านข้าง

• บน Apple TV ให้เปิดแอปการตั้งค่า คลิกทั่วไป จากนั้นตรวจสอบการตั้งค่าในส่วน VPN และการจัดการอุปกรณ์ หากมี

หากองค์กรของคุณไม่จัดการการตั้งค่าและไม่ได้กำหนดไว้ คุณสามารถปิด เปลี่ยนแปลง หรือลบได้ ตัวอย่างเช่น บน iPhone หรือ iPad คุณสามารถแตะโปรไฟล์การกำหนดค่า จากนั้นแตะเพื่อยืนยันว่าคุณต้องการลบ บน Mac คุณสามารถเลือกโปรไฟล์และคลิกปุ่มลบ (–) ด้านล่าง อย่างไรก็ตาม หากยังมีการใช้งานซอฟต์แวร์ที่สร้างการตั้งค่า การตั้งค่าอาจกลับคืนมาในภายหลัง

หลังจากทำการเปลี่ยนแปลงแล้ว ให้รีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณ หากยังคงเกิดปัญหา ให้รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายบน iPhone หรือ iPad หรือรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายบน Apple Vision Pro จากนั้นรีสตาร์ทและเชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณอีกครั้ง บน Mac คุณสามารถรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายได้โดยการเปลี่ยนไปใช้ตําแหน่งเครือข่ายใหม่ในการตั้งค่าเครือข่าย